ที่รัก
ฉันมาฉุกคิดได้ หลังจากคุยกับความว้าเหว่เมื่อคืนนี้
ฉันได้คำตอบว่า
ที่เราต้องเจ็บปวดเหลือ เมื่อรักลานั้น
เป็นเพราะว่า
เราพยายามลบเลือน
ความทรงจำที่ดี-ดีของคนรัก ออกไปจากใจ
หากสิ่งนั้น
ต้องการเวลาที่จะลบเลือน
สิ่งที่ความรักนำมาให้
แม้มิใช่แค่ความหอมหวาน
แต่ที่เหลือไว้
ก็หาใช่ เพียงความขมขื่น
ความรักก็เหมือนกาแฟนั่นแหละ
ทั้งที่รู้ว่าขม แต่เราก็ชื่นชมในกลิ่นหอม
ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=masharee&group=6
Saturday, January 30, 2010
Tuesday, January 26, 2010
ผ่านพบไม่ผูกพัน - Thai Poem
การเดินทางเป็นการพลัดพรากอย่างหนึ่ง
พลัดพรากจากสถานที่คุ้นเคยและผู้คนคุ้นหน้า
กระทั่งบางทีอาจหมายถึงการถอยห่างจากอ้อมแขนของผู้เป็นที่รัก
แต่ระยะทางที่เพิ่มขึ้น ใช่หรือไม่ว่าอาจเปลี่ยนมิติของความสัมพันธ์
บางครั้งการเดินทางอาจหมายถึง
การแตกหักของโซ่ทองห่วงสุดท้ายที่เคยร้อยใจคน สองคนไว้ด้วยกัน
และในหลายๆครั้ง
มันก็เป็นแค่การเปลี่ยนที่ร้องไห้ของผู้ ที่เพิ่งทำความรู้สึกดีๆหล่นหาย
แต่สำหรับบางคน เพียงเหลือบแลแผนที่เส้นทาง
ก็อาจเพิ่มรอยขีดในหัวใจที่ลายล้นอยู่แล้วด้วยริ้วแผล
คนเรา บางทีหากไม่เปลี่ยนเงื่อนไขแวดล้อม
บางด้านของความรู้สึกย่อมไม่สามารถโผล่ผลิออกมา
คนเรา หากไม่ออกไปเผชิญคลื่นลมในทะเลกว้าง
หรือสัมผัสความเฉียบชันของโตรกผา
บางทีก็พานคิดว่าดาวเดือนบนเวิ้งฟ้าจะต้องโคจรรอบชีวิตตื้นของตัวเอง
สัมผัสโลกของบุคคลก็เฉกเช่นพรมผืนงาม
มีแต่ความรู้สึกที่คลี่ตัวอย่างถึงที่สุดเท่านั้น
จึงจะม้วนกลับได้อย่างหมดจดเรียบร้อย
ประเด็นมีอยู่ว่า เหนือบรรยากาศเปลี่ยวเหงา
หรือครึกครื้นขึ้นไป
ยังมีแก่นแท้ของการเดินทาง
ซึ่งก็คือการพลัดพรากผู้อื่น สิ่งอื่น เพื่อนัดพบกับตัวเอง
การเปิดพื้นที่โล่งให้กับการอยู่กับปัจจุบัน
ยามสางเมื่อเห็นแสงแรกของวันโลมไล้คลื่นเขา
จงเป็นหนึ่งเดียวกับภาพนั้นราวทั่วทั้งพิภพไม่มีสิ่งอื่นใด
ยามสายเมื่อนอนเหยียดอยู่บนพรมหญ้าริมลำห้วย
ก็อย่าปล่อยให้ภาพรุ่งอรุณตามมาปิดบังแฉกแดดที่ผ่านลอดลงมาจากยอดไม้
ครั้นตกค่ำยินหริ่งหรีดเรไร
ก็อย่าได้ฝังใจจำอยู่กับเสียงน้ำไหลที่กล่อมให้หลับตอนกลางวัน
คุณจะพบว่า ดวงตะวันสวยกว่าเดิม
ไอห้วยเย็นฉ่ำกว่าที่คิด สายน้ำมีถ้อยคำจะเอื้อนเอ่ย
อย่าว่าแต่ ค่ำคืนมีความไพเราะของมัน
ผ่านพบโดยไม่ผูกพัน บางทีอาจลึกซึ้งยั่งยืนกว่า ร้อยหัวใจเข้ากับทุกอย่างด้วยโซ่ตรวนที่มักตั้งชื่อผิดๆว่าความรัก
ที่มา : จากหนังสือ "ผ่านพบไม่ผูกพัน" เสกสรร ประเสริฐกุล
พลัดพรากจากสถานที่คุ้นเคยและผู้คนคุ้นหน้า
กระทั่งบางทีอาจหมายถึงการถอยห่างจากอ้อมแขนของผู้เป็นที่รัก
แต่ระยะทางที่เพิ่มขึ้น ใช่หรือไม่ว่าอาจเปลี่ยนมิติของความสัมพันธ์
บางครั้งการเดินทางอาจหมายถึง
การแตกหักของโซ่ทองห่วงสุดท้ายที่เคยร้อยใจคน สองคนไว้ด้วยกัน
และในหลายๆครั้ง
มันก็เป็นแค่การเปลี่ยนที่ร้องไห้ของผู้ ที่เพิ่งทำความรู้สึกดีๆหล่นหาย
แต่สำหรับบางคน เพียงเหลือบแลแผนที่เส้นทาง
ก็อาจเพิ่มรอยขีดในหัวใจที่ลายล้นอยู่แล้วด้วยริ้วแผล
คนเรา บางทีหากไม่เปลี่ยนเงื่อนไขแวดล้อม
บางด้านของความรู้สึกย่อมไม่สามารถโผล่ผลิออกมา
คนเรา หากไม่ออกไปเผชิญคลื่นลมในทะเลกว้าง
หรือสัมผัสความเฉียบชันของโตรกผา
บางทีก็พานคิดว่าดาวเดือนบนเวิ้งฟ้าจะต้องโคจรรอบชีวิตตื้นของตัวเอง
สัมผัสโลกของบุคคลก็เฉกเช่นพรมผืนงาม
มีแต่ความรู้สึกที่คลี่ตัวอย่างถึงที่สุดเท่านั้น
จึงจะม้วนกลับได้อย่างหมดจดเรียบร้อย
ประเด็นมีอยู่ว่า เหนือบรรยากาศเปลี่ยวเหงา
หรือครึกครื้นขึ้นไป
ยังมีแก่นแท้ของการเดินทาง
ซึ่งก็คือการพลัดพรากผู้อื่น สิ่งอื่น เพื่อนัดพบกับตัวเอง
การเปิดพื้นที่โล่งให้กับการอยู่กับปัจจุบัน
ยามสางเมื่อเห็นแสงแรกของวันโลมไล้คลื่นเขา
จงเป็นหนึ่งเดียวกับภาพนั้นราวทั่วทั้งพิภพไม่มีสิ่งอื่นใด
ยามสายเมื่อนอนเหยียดอยู่บนพรมหญ้าริมลำห้วย
ก็อย่าปล่อยให้ภาพรุ่งอรุณตามมาปิดบังแฉกแดดที่ผ่านลอดลงมาจากยอดไม้
ครั้นตกค่ำยินหริ่งหรีดเรไร
ก็อย่าได้ฝังใจจำอยู่กับเสียงน้ำไหลที่กล่อมให้หลับตอนกลางวัน
คุณจะพบว่า ดวงตะวันสวยกว่าเดิม
ไอห้วยเย็นฉ่ำกว่าที่คิด สายน้ำมีถ้อยคำจะเอื้อนเอ่ย
อย่าว่าแต่ ค่ำคืนมีความไพเราะของมัน
ผ่านพบโดยไม่ผูกพัน บางทีอาจลึกซึ้งยั่งยืนกว่า ร้อยหัวใจเข้ากับทุกอย่างด้วยโซ่ตรวนที่มักตั้งชื่อผิดๆว่าความรัก
ที่มา : จากหนังสือ "ผ่านพบไม่ผูกพัน" เสกสรร ประเสริฐกุล
Labels:
เสกสรร ประเสริฐกุล
Tuesday, January 5, 2010
คิดถึง แต่ไม่โหยหา
เมื่อความเจ็บปวดตกตะกอน
ฉันเลือกซุกตัวนิ่ง ในวิถึแห่งตน
ยากที่จะทำใจให้ลืมเลือน
เพราะเธอคือคนที่หัวใจบอกเสมอว่า "รัก"
อยากจะรู้สึก "เฉยๆ"
หากแต่ที่ทำได้
คือ "คิดถึง แต่ไม่โหยหา
ห่วงใย แต่นิ่งงัน
คล้ายห่างไกลกันลิบ
แต่ใกล้แค่ได้ เจอกันในใจ"
คงแค่นั้น สำหรับเรา และสำหรับเรา
ฉันเลือกซุกตัวนิ่ง ในวิถึแห่งตน
ยากที่จะทำใจให้ลืมเลือน
เพราะเธอคือคนที่หัวใจบอกเสมอว่า "รัก"
อยากจะรู้สึก "เฉยๆ"
หากแต่ที่ทำได้
คือ "คิดถึง แต่ไม่โหยหา
ห่วงใย แต่นิ่งงัน
คล้ายห่างไกลกันลิบ
แต่ใกล้แค่ได้ เจอกันในใจ"
คงแค่นั้น สำหรับเรา และสำหรับเรา
Subscribe to:
Posts (Atom)