Tuesday, February 2, 2010

ถนนคนเดินทาง พิบูลศักดิ์ ละครพล - ขุนเขาแห่งความทรงจำสีขาว - Thai Poem

พิบูลศักดิ์  ละครพล...เรื่อง
ได้รับความเอื้อเฟื้อจากอนุสาร อ.ส.ท.
ที่มา : อนุสาร อ.ส.ท. ปีที่ 38  ฉบับที่  7  กุมภาพันธ์  2541
อ่านหนังสือหมดโลก
     เดินทางหมื่นล้านไมล์
     คงไร้ความหมาย
     หากไม่เข้าใจหัวใจตัวเอง
1. เขานิ่งงันอยู่ในความเงียบ ตะวันกำลังจะรอนแสงลา รวงข้าวสุกส่งกลิ่นหอมกรุ่น อุ่นอยู่ในอากาศ ทุ่งโล่งกลางดงหุบแผ่ผืนเหลืองละลานรายรอบและลาดลิ่วไปสุดลูกหูลูกตา ฤดูเก็บเกี่ยวย่างเยือนมาพร้อมเสียงกระซิบกระซาบแห่งลมปลายหนาว ผิวแผ่ว
เขาสูดลมหายใจลึก ควันไฟจากลอมฟางลอยลำอ้อยสร้อย ขึ้นไปลอยเรี่ยเป็นแนวคล้ายยวงฝ้ายทาบเชิงภู แว่วเสียงกู่มาแต่ไกล พร้อมเสียงเด็กทารกร้องไห้ เสียงมีดรัวถี่บนเขียง เสียงเป่าเขาควายจากพ่อค้าเนื้อในหมู่บ้านก้องกังวานทั่วหุบเขา
กองเกวียนลากข้าวกำลังเคลื่อนคาราวานข้ามลำห้วย เสียงไล่ต้อนฝูงปศุสัตว์ฮุ้ยไฮ้ เสียงฝีกีบเท้ากระทบดิน เสียงฮอกที่แขวนคอโคกึงกังโกรงเกรงเป็นบทเพลงของท้องทุ่งชนบท เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
นี่เป็นบทเพลงที่เขาหลงลืมไปแล้วหรือไฉน...แล้วใครล่ะที่นั่งเป่าปี่ตอซังบนหลังควายนั้นถ้ามิใช่เขา
2. โตขึ้นเธออยากเป็นอะไร...พวกผู้ใหญ่และคุณครูชอบถามนักคำถามนี้ และเขาก็ตอบอย่างมั่นอกมั่นใจทุกครั้ง ผมอยากเป็นนักเดินทางครับเออหนอ พ.ศ.นั้นเขาอยู่ชั้นอะไร ม.ศ. หนึ่ง หรือ สอง ทำไมเขาถึงตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำอย่างนั้น  ขณะที่เด็กคนอื่นเขาอยากเป็นทหาร เป็นตำรวจ เป็นครู เป็นหมอ เป็นพ่อค้า แต่เขาไพล่อยากเป็นอะไรที่ผิดมนุษย์มนา มันเป็นอย่างไรกันหนอ นักเดินทางเดินทางเร่ร่อนพเนจรไปเรื่อย ๆ งั้นหรือ เอาข้าวที่ไหนกิน เอาเงินที่ไหนใช้ ไม่มีเงินเดือนสักกะหน่อย เด็กบ้านนอกคนหนึ่งอยากเป็นนักเดินทาง ใครเสี้ยมใครสอนเขาหนอ แม้กระทั่งครูให้เขียนเรียงความ หมู่บ้านของฉันเขาก็ดันไปเขียนเรื่อง  “การเดินทางข้ามภูเขายาวหลายหน้ากระดาษ ตื่นเต้นผจญภัยและเป็นตุเป็นตะเสียจนเพื่อนว่าเขาเป็นไอ้ขี้โม้โชคดีหน่อยที่คุณครูภาษาไทยซาบซึ้งใจในความมานะของเด็กน้อย ให้เขาไปยืนอ่านหน้าชั้นให้เพื่อน ๆ ฟังคุณครูบอกกับเพื่อน ๆ ของเขาว่าถ้าพวกเธออยากเป็นนักเขียน เธอต้องเป็นนักฝันก่อนเขาค้านคุณครูเสียงแข็งว่า ครูครับนี่เป็นเรื่องจริง สองวันเต็ม ๆ ที่ผมเดินข้ามภูเขา...
มันช่างน่าขำ เขายังเดียงสา หาได้รู้ความหมายที่ครูพูด ความจริงทั้งปวงทั้งหลายก็ล้วนจุดประกายมาจากความเฟื่องของนักฝัน ความฝันทำให้คนใฝ่ เริงใจให้โบยบิน เราคงไปไม่ถึงดาวอังคารได้ถ้าไม่มีคนสองคนผู้อยากบินได้อย่างนก...ป่าลึกดงดึก ไพรดิบ ไม้สูงลิบสิบคนโอบไม่อ้อม น้อมคอแหงนจนตั้งบ่าก็มองหายอดไม่เห็น หน้าหนาวหนาวเยือกเย็นจนน้ำค้างจับเกล็ดแข็ง หน้าแล้งล้วนสีเหลืองสะพรึ่บสะพรั่ง น้ำตกรึก็โถมถะถั่งหลั่งไหล กระโจนมาจากเพิงไพรชะเวิกผาสูงลิ่วหลายร้อยชั้นพันหมื่นวา นกป่า ปูปลาในลำห้วย ตัวโต น้องปลาบึกในน้ำของ อยู่บนยอดมองเห็นพญานาคพ่อนน้ำเล่นในกว๊านได้ชัดแจ่ม ผูกโยงเพิ่มนิยายไปเรื่องนั้นเรื่องนี้ ล้วนแล้วแต่ลี้ลับปรัมปรา ท้าทายให้เขาใจเต้นระทึก นึกอยากเดินทางเที่ยวท่องล่องบึงกว้างข้ามขุนเขาไปทุกครั้งที่มองเห็นทิวเทือกสีน้ำเงินที่ทอดทาบขอบฟ้าตะวันตกของหมู่บ้านเกิด
เหล่านั้นล้วนตำนานของนักฝัน คนเหล่านั้นล้วนเป็นนักเดินทางตัวยง ด้วยยานแห่งจินตนาการและรายละเอียดแห่งอารมณ์ความรู้สึก  จะมหัศจรรย์พันลึกหรือซื่อใสงดงามก็ตามแต่ ที่แน่ ๆ มันทำให้เด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งได้ก่ายหน้าผากเคลิ้มฝัน ฝันอยากเป็นนักเดินทาง
3.  เขาเดินทางท่องไปทั่วด้วยปีกของนักฝัน จีน ทิเบต อินเดีย ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ ตามกลิ่นอายของนักฝันที่เขาโปรด เขาลืมตัวเองไว้ที่ไหนสักแห่ง หลงทางและมะงุมมะงาหราไปในความฝันของคนอื่น
The Sun Also Rises ของเออร์เนสต์ทำให้เขาอยากไปสเปน รูปเขียนของโกยาก็ทำให้เขาคิดอย่างนั้นไหนจะแอฟริกาใต้อีกล่ะ คิลิมันจาโรและเทือกเขาเง็งแห่งเคนยา การล่าสิงโต มองมาร์ตที่ปารีส  ภาพเขียนของเซซานในพิพิธภัณฑ์ A Farewell to Arms  บ้านเกิดของปาปาที่โอ็ค พาร์ก มิชิแกน แถบถิ่นตอร์ตีญาแฟลตของสไตน์เบ็ก กระทั่งดินแดนอันเหน็บหนาวของชิวาโก และแถบถิ่นทุ่งหญ้าสเต็ปป์ในเรื่องญามิลา ฯลฯ
เดินทาง เดินทาง เขาเป็นนักเดินทาง เขากระหายที่จะเดินทาง ทุกหัวโค้งถนนดูจะกวักมือเพรียกขานชื่อเขา เขาไปทุกหนทุกแห่ง เขาบอกกับตัวเองว่า เขาเป็นนักเดินทางแสวงหา...
4. เขาแสวงหาอะไรอยู่หรือ ความงาม คุณค่า ความหมายของความเป็นมนุษย์หรือชีวิต เขาหามันพบแล้วหรือยัง
เขานิ่งงันอยู่ในความเงียบ ตะวันกำลังจะรอนแสงลา  รวงข้าวสุกส่งกลิ่นหอมกรุ่น อุ่นอยู่ในอากาศ ทุ่งโล่งกลางดงหุบแผ่ผืนเหลืองละลานรายรอบและลาดลิ่วไปสุดลูกหูลูกตา ฤดูเก็บเกี่ยวย่างมาเยือนพร้อมเสียงกระซิบกระซาบแห่งลมปลายฤดูหนาว
กองเกวียนลากข้าวกำลังเคลื่อนคาราวานข้ามลำห้วย เสียงไล่ต้อนฝูงปศุสัตว์ฮุ้ยไฮ้ เสียงฝีกีบเท้ากระทบดินกุบกับ เสียงกระดึงกระดิ่งกรุ๋งกริ๋ง เสียงฮอกโกรงกราง และเสียงครางของหัวใจตัวเอง
เขาไม่อยากเชื่อคนเราจะมีชีวิตยู่ในความฝันของคนอื่นได้อย่างไร...นี่เป็นบทเพลงที่เขาหลงลืมไปแล้วหรือ เขาหลงลืมตัวเองไว้ที่ไหน เขาผู้เดินทางมาแล้วเกือบทั่วโลก แต่หาทางกลับเข้าบ้านตัวเองไม่เจอ

ที่มา http://www.moohin.com/thailand-travel-trips/2541-02/c19/


No comments:

Post a Comment